ประวัติความเป็นมาของการตกปลา
ในที่นี้ขอแนะนำคร่าว ๆ น่ะครับ ถ้าพูดกันหมด
คงว่ากันเป็นเดือนเป็นปี เอาไปสร้างเป็นหนังได้เลยมั่ง
ข้อมูลนี้เป็นบทความที่แปลมาจากเว็บของต่างประเทศ น่ะครับเสริมบ้างนิดหน่อยการตกปลา
เป็นวิธีโบราณที่มีมาตั้งแต่ในตอนปลายยุคหินเพลิโอะลีธอิค ระยะเวลาที่เริ่มประมาณ 40,000 ปีมาแล้ว
การวิเคราะห์สิ่งที่พบในกระดูกของมนุษย์ Tianyuan , 40,000 ปี
มนุษย์ยุคเก่าจากเอเชียตะวันออก ได้แสดงให้เห็นถึงที่เขาบริโภคเป็นประจำปลาน้ำจืด
อีกทั้งหลักฐานทางโบราณคดียังแสดงให้เห็นถึง สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการตกปลา เช่น
กระดูกปลาและ ภาพวาดบนถ้ำถ้ำและยังได้พบเบ็ดตกปลาที่กลายเป็นหินซึ่งทำมาจากกระดูกของมนุษย์อีกด้วย
เบ็ดตกปลาที่กลายเป็นหินทำจากกระดูก อีกบทความหนึ่งกล่าวถึงการตกปลาว่าเป็นกีฬา
ที่มีมาแต่โบราณ ภาพวาดการตกปลาของอียิปต์เกี่ยวกับการตกปลาเมือราว 2000 ปีก่อน แสดงลักษณะของอุปกรณ์
ที่มีแกนและสายและมีตาข่ายซึ่งใช้เป็นอุปกรณ์ในการหาปลาในยุคนั้น
ประวัติศาตร์ของจีนประมาณศตวรรษที่ 4 ได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการตกปลาไว้บนเส้นทางสายไหมว่าเป็นการจับปลาด้วยตะขอที่ทำจากเข็มและแกนไม้ไผ่โดยใช้ข้าวสวยเป็นเหยื่อ
ทั้งนี้การตกปลายังพบในกรีกโบราณอัสซีเรียและโรมัน อีกด้วย
สำหรับตัวเบ็ดที่ใช้สำหรับตกปลาไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใดแต่คาดว่าน่าจะเข้ามาจากประเทศจีนจากการค้าขายกันในสมัยก่อน
ดังนั้นการตกปลาจึงนับเป็นวิธีการหากินเลี้ยงชีพของคนเราที่เก่าแก่และมีมายาวนานมากแล้วจนมาถึงปัจจุบันนี้ครับ
สำหรับตัวเบ็ดที่ใช้สำหรับตกปลาไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใดแต่คาดว่าน่าจะเข้ามาจากประเทศจีนจากการค้าขายกันในสมัยก่อน
ดังนั้นการตกปลาจึงนับเป็นวิธีการหากินเลี้ยงชีพของคนเราที่เก่าแก่และมีมายาวนานมากแล้วจนมาถึงปัจจุบันนี้ครับ
พัฒนาการของกฎหมาย
แนวความคิดในการปล่อยปลาที่ไม่ต้องการบริโภค ทั้งที่สามารถเก็บไว้ตามกฎหมาย ได้พัฒนามาจากนักตกปลาหลายกลุ่ม อาทิเช่น นักตกปลามากประสบการณ์ที่ตกปลาได้ตามจำนวน หรือได้ชนิดที่ต้องการแล้ว จึงไม่ต้องการเพิ่มอีก นักตกปลาที่ปรารถนาจะสนุกกับการตกต่อไป จึงไม่เก็บปลาไว้ตามจำนวนที่ถูกกำหนดไว้ และนักตกปลาที่ตระหนักว่าการยิ่งนำปลาบางขนาด หรือบางชนิดที่กำหนด จากบริเวณใดๆ อาจมีผลกระทบที่เลวร้ายต่ออนาคตต่อประชากรปลาในบริเวณนั้นcatch-and-release มีจุดเริ่มมาจากความยึดถือ และทางเลือกของบุคคล และพัฒนามาเป็นกระแสความเคลื่อนไหว เนื่องจากการเรียกร้องของกลุ่มนักตกปลาในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปี 1960 และปี 1970 ส่วนปัจจัยอื่นก็เนื่องมาจากการการพัฒนาการของอุปกรณ์ตกปลา ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปลาที่มากขึ้น และสภาวะคับขันของจำนวนปลา แหล่งหาปลาขึ้นชื่อหลายแห่งในอเมริกา มีจำนวนปลาลดลงอย่างมาก หรือหมดไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ไม่กี่สิบปี ถึงแม้จะมีปัจจัยมากมาย และในหลากหลายระดับ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งก็คือมลภาวะทางน้ำและทางอากาศ แหล่งที่อยู่อาศัยถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง การจับปลาในเชิงพาณิชย์ และการตกปลาเป็นเกมกีฬาความพยายามในการตกปลาทั้งน้ำจืดและทะเล มักพุ่งเป้าหมายเฉพาะกับปลาบางชนิดที่ให้ความรู้สึกพิเศษในการตก แบส เทร้าท์ แซลมอลคราปปี้ และวอไลย์ เป็นตัวอย่างปลาน้ำจืดที่ได้รับความนิยมในระดับต้นๆ สไตรด์แบสเรดฟิชทาร์ปอน ทูน่า และปลากระโทง เป็นปลาทะเลชั้นนำ ก่อนที่ประชากรของปลาเหล่านี้ และปลาที่ได้รับความนิยมอื่นๆ จะลดลงอย่างมาก และก่อนที่กระแสการตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องอนุรักษ์ นักตกปลามักจะเก็บปลาแทบทุกตัวที่ตกได้ จนกระทั้งข้อบังคับเกี่ยวกับฤดูกาล วิธีการจับ ความยาวขั้นต่ำ ได้ถูกกำหนดขึ้นในช่วงหนึ่ง นักตกปลารวมทั้งสาธารณะชนโดยทั่วไป เชื่อว่าการตกปลาเพื่อสันทนาการไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อระดับประชากรของปลา โดยเฉพาะในน้ำจืดที่การทำประมงเป็นปัจจัยรองกว่าในทะเล ทุกวันนี้เป็นที่เข้าใจกันแล้วว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น นักตกปลาที่มีความชำนาญจำนวนหนึ่งสามารถที่จะพลาญประชากรของปลาได้แทบทุกปลาชนิด ในช่วงเวลาหนึ่งหากไม่ได้รับการดูแล ในบางสถานการณ์นักตกปลาที่ความชำนาญสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ทั้งๆที่ปฎิบัติตามข้อกำหนดก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่ได้จับปลาไปทั้งหมด แต่เขายังคงสามารถที่จะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อสมดุลย์ของประชากรปลา โดยการเลือกที่จะตกปลาบางพันธุ์ หรือเลือกที่จะเก็บปลาบางขนาดโดยเฉพาะปลาที่มีขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น ความพยายามอย่างยิ่งในการตกปลาเลคเทร้าท์ขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของแคนนาดา ได้ทำให้ปลาเลคเทร้าท์ซึ่งเติบโตได้ช้า ในขนาดโทรฟี้แทบจะหมดไปในช่วงปลายปี 1950 จนถึงปี 1970 การตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และในหลายกรณีเป็นการเรียกร้องจากองค์กรนักตกปลาต่างๆ ในที่สุดกรมประมงก็ได้กำหนดจำนวนปลาที่จะนำขึ้นได้จากเดิมไม่ได้กำหนดไว้เลย กำหนดฤดูกาล กำหนดชุดปลายสาย รวมทั้งการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัย กฎข้อบังคับ ของกรมประมงในเรื่อง ขนาด จำนวน และฤดูกาล ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้โอกาสปลาขนาดเล็กได้เติบโตเต็มที่ และแพร่ขยายพันธุ์ ซึ่งเป็นความจริงอย่างมากในน้ำจืด และลดระดับลงมาในน้ำทะเล บางข้อถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างโดยเฉพาะ เช่น เพื่อรักษาปลาในระดับโทรฟี่ในบางพันธุ์ ในบางทะเลสาบ การปล่อยปลาขนาดใหญ่นี้ถูกมองว่าเป็นแนวทางที่มุ่งหวังการแพร่พันธุ์ และการสงวนปลาขนาดใหญ่ไว้ ในบางข้อดูเหมือนจะมีเป้าหมายในทางตรงกันข้ามโดยกำหนดให้นำปลาบางขนาดขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อรักษาสมดุลย์ประชากรของปลาในหลากหลายขนาด (หลากหลายช่วงอายุ) เนื่องจากปลาที่ถูกตกได้และเก็บไว้ มักจะเป็นขนาดใหญ่ และการทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ย่อมทำให้ประชากรปลาขาดความสมดุลย์ ดังนั้นภายใต้กฎหมาย นักตกปลาต้องปล่อยปลาที่ตกได้นอกฤดูกาลที่กำหนด หรือปลาที่ขนาดเล็กหรือใหญ่กว่ากำหนด หรือปลาที่มีจำนวนเกินกว่าที่กำหนดสำหรับพันธุ์นั้น นอกจากนี้ในบางพื้นที่ยังกำหนดให้ ปล่อยปลาที่ถูกตกได้หากปลาติดเบ็ดอย่างไม่ถูกต้อง ข้อบังคับนี้เป็นเรื่องของการกีฬา มากกว่าที่จะเป็นเรื่องการจัดการทรัพยากรณ์
แนวความคิดในการปล่อยปลาที่ไม่ต้องการบริโภค ทั้งที่สามารถเก็บไว้ตามกฎหมาย ได้พัฒนามาจากนักตกปลาหลายกลุ่ม อาทิเช่น นักตกปลามากประสบการณ์ที่ตกปลาได้ตามจำนวน หรือได้ชนิดที่ต้องการแล้ว จึงไม่ต้องการเพิ่มอีก นักตกปลาที่ปรารถนาจะสนุกกับการตกต่อไป จึงไม่เก็บปลาไว้ตามจำนวนที่ถูกกำหนดไว้ และนักตกปลาที่ตระหนักว่าการยิ่งนำปลาบางขนาด หรือบางชนิดที่กำหนด จากบริเวณใดๆ อาจมีผลกระทบที่เลวร้ายต่ออนาคตต่อประชากรปลาในบริเวณนั้นcatch-and-release มีจุดเริ่มมาจากความยึดถือ และทางเลือกของบุคคล และพัฒนามาเป็นกระแสความเคลื่อนไหว เนื่องจากการเรียกร้องของกลุ่มนักตกปลาในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปี 1960 และปี 1970 ส่วนปัจจัยอื่นก็เนื่องมาจากการการพัฒนาการของอุปกรณ์ตกปลา ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปลาที่มากขึ้น และสภาวะคับขันของจำนวนปลา แหล่งหาปลาขึ้นชื่อหลายแห่งในอเมริกา มีจำนวนปลาลดลงอย่างมาก หรือหมดไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ไม่กี่สิบปี ถึงแม้จะมีปัจจัยมากมาย และในหลากหลายระดับ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งก็คือมลภาวะทางน้ำและทางอากาศ แหล่งที่อยู่อาศัยถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง การจับปลาในเชิงพาณิชย์ และการตกปลาเป็นเกมกีฬาความพยายามในการตกปลาทั้งน้ำจืดและทะเล มักพุ่งเป้าหมายเฉพาะกับปลาบางชนิดที่ให้ความรู้สึกพิเศษในการตก แบส เทร้าท์ แซลมอลคราปปี้ และวอไลย์ เป็นตัวอย่างปลาน้ำจืดที่ได้รับความนิยมในระดับต้นๆ สไตรด์แบสเรดฟิชทาร์ปอน ทูน่า และปลากระโทง เป็นปลาทะเลชั้นนำ ก่อนที่ประชากรของปลาเหล่านี้ และปลาที่ได้รับความนิยมอื่นๆ จะลดลงอย่างมาก และก่อนที่กระแสการตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องอนุรักษ์ นักตกปลามักจะเก็บปลาแทบทุกตัวที่ตกได้ จนกระทั้งข้อบังคับเกี่ยวกับฤดูกาล วิธีการจับ ความยาวขั้นต่ำ ได้ถูกกำหนดขึ้นในช่วงหนึ่ง นักตกปลารวมทั้งสาธารณะชนโดยทั่วไป เชื่อว่าการตกปลาเพื่อสันทนาการไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อระดับประชากรของปลา โดยเฉพาะในน้ำจืดที่การทำประมงเป็นปัจจัยรองกว่าในทะเล ทุกวันนี้เป็นที่เข้าใจกันแล้วว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น นักตกปลาที่มีความชำนาญจำนวนหนึ่งสามารถที่จะพลาญประชากรของปลาได้แทบทุกปลาชนิด ในช่วงเวลาหนึ่งหากไม่ได้รับการดูแล ในบางสถานการณ์นักตกปลาที่ความชำนาญสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ทั้งๆที่ปฎิบัติตามข้อกำหนดก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่ได้จับปลาไปทั้งหมด แต่เขายังคงสามารถที่จะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อสมดุลย์ของประชากรปลา โดยการเลือกที่จะตกปลาบางพันธุ์ หรือเลือกที่จะเก็บปลาบางขนาดโดยเฉพาะปลาที่มีขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น ความพยายามอย่างยิ่งในการตกปลาเลคเทร้าท์ขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของแคนนาดา ได้ทำให้ปลาเลคเทร้าท์ซึ่งเติบโตได้ช้า ในขนาดโทรฟี้แทบจะหมดไปในช่วงปลายปี 1950 จนถึงปี 1970 การตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และในหลายกรณีเป็นการเรียกร้องจากองค์กรนักตกปลาต่างๆ ในที่สุดกรมประมงก็ได้กำหนดจำนวนปลาที่จะนำขึ้นได้จากเดิมไม่ได้กำหนดไว้เลย กำหนดฤดูกาล กำหนดชุดปลายสาย รวมทั้งการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัย กฎข้อบังคับ ของกรมประมงในเรื่อง ขนาด จำนวน และฤดูกาล ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้โอกาสปลาขนาดเล็กได้เติบโตเต็มที่ และแพร่ขยายพันธุ์ ซึ่งเป็นความจริงอย่างมากในน้ำจืด และลดระดับลงมาในน้ำทะเล บางข้อถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างโดยเฉพาะ เช่น เพื่อรักษาปลาในระดับโทรฟี่ในบางพันธุ์ ในบางทะเลสาบ การปล่อยปลาขนาดใหญ่นี้ถูกมองว่าเป็นแนวทางที่มุ่งหวังการแพร่พันธุ์ และการสงวนปลาขนาดใหญ่ไว้ ในบางข้อดูเหมือนจะมีเป้าหมายในทางตรงกันข้ามโดยกำหนดให้นำปลาบางขนาดขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อรักษาสมดุลย์ประชากรของปลาในหลากหลายขนาด (หลากหลายช่วงอายุ) เนื่องจากปลาที่ถูกตกได้และเก็บไว้ มักจะเป็นขนาดใหญ่ และการทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ย่อมทำให้ประชากรปลาขาดความสมดุลย์ ดังนั้นภายใต้กฎหมาย นักตกปลาต้องปล่อยปลาที่ตกได้นอกฤดูกาลที่กำหนด หรือปลาที่ขนาดเล็กหรือใหญ่กว่ากำหนด หรือปลาที่มีจำนวนเกินกว่าที่กำหนดสำหรับพันธุ์นั้น นอกจากนี้ในบางพื้นที่ยังกำหนดให้ ปล่อยปลาที่ถูกตกได้หากปลาติดเบ็ดอย่างไม่ถูกต้อง ข้อบังคับนี้เป็นเรื่องของการกีฬา มากกว่าที่จะเป็นเรื่องการจัดการทรัพยากรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น