วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เทคนิคการเลือกคันเบ็ด



เทคนิคการเลือกคันเบ็ด


การเลือกคันเบ็ด
                ความเหมาะสมในการเลือกหาคันเบ็ดที่ดีและที่สำคัญที่สุดในการเลือก  ก็คือ  คันเบ็ดคันนั้นต้องถูกใจผู้ใช้ให้มากที่สุด  เพราะถือว่าถ้าหากซื้อแล้วถูกใจคนขาย คือให้คนขายเลือกให้  ผู้ขายก็ต้องเชียร์ของที่แพง  เอาไว้ก่อนเนื้อหาในตัวประกอบไม่เกี่ยว  คือขายเอาราคาแพงเอาไว้จะได้เงินเข้าร้านมากๆ
                โดนกันมามากแล้ว  ทางที่ดีที่สุดในการที่เราจะเลือกหาคันเบ็ดของเราเองนั้นควรที่จะต้องเลือก ที่ความเหมาะสมก่อน สิ่งแรกก็คือความพอใจของเราเองความพอใจของเราได้มาจากอะไรก่อน
                1.     จับดูแล้วถนัดมือ
                2.     สีสันถูกใจ  การพันสายไกด์  เรียบร้อย  แน่นไม่บิดเบี้ยว
                3.     แอ๊คชั่นดีเหมาะสมกับความต้องการ
                4.     สารที่นำมาประกอบนั้น  มีความเหนียวทน 



หน้าที่ของคันเบ็ด
คันเบ็ดสมัยใหม่ทำหน้าที่สำคัญหลายประการด้วยกัน แต่ละหน้าที่ล้วนมีส่วนสำคัญในการที่จะช่วยให้นักตกปลาตกปลาได้มากขึ้นหรือ ดีขึ้นกว่าไม่ใช้คันเบ็ดหรือคันเบ็ดแบบเก่า ลองรวบรวมหน้าที่ของคันเบ็ดกันดูทำหน้าที่เป็นเครื่องดีดเหยื่อออกไปหน้าที่สำคัญประการหนึ่งของคันเบ็ดคือช่วยเป็นตัวส่งเหยื่อ (ไม่ว่าเหยื่อจริงหรือเหยื่อปลอม) ให้พุ่งออกไปจากตำแหน่งที่นักตกปลายืนอยู่ไกลมากว่าการจับเหยื่อขว้างหรือ แกว่งมากทีเดียว ในระหว่างการเหวี่ยงเบ็ด น้ำหนักของเหยื่อจะดึงคันเบ็ดให้โน้มกลับไปด้านหลัง เมื่อคันถูกโน้มเต็มที่แล้วสะบัดกลับไปข้างหน้า คันเบ็ดจะทำหน้าที่คล้ายคันธนูดีดหรือยิงเหยื่อออกไปด้วยความเร็วสูง เป็นผลให้เหยื่อพุ่งออกไปได้ไกล เมื่อใช้ประกอบกับรอกซึ่งปล่อยสายเบ็ดตามไปได้อีก เมื่อคุณใช้คันเบ็ดและรอกคุณจึงได้เปรียบคันไม้ไผ่ที่ตกปลาได้ชายน้ำไม่ไกล เกินกว่าความยาวของคันเบ็ดบวกกับความยาวของสายเบ็ดเท่านั้น  คัน รอก น้ำหนักเหยื่อ ประกอบกับเทคนิคในการเหวี่ยงที่เหมาะสม เป็นหัวใจของการตกปลาชายฝั่ง (SURF FISHING) ซึ่งต้องการส่งเหยื่อออกไปสู่ปลาบางพวกบางชนิด อังกฤษซึ่งมีฝั่งทะเลลาดมาก ปลาเกมไม่เข้าใกล้ชายฝั่งเกินกว่า 100 - 200 หลา นักตกปลาจำเป็นต้องพัฒนาอุปกรณ์และเทคนิคขึ้นมา เพื่อตกปลาให้ได้และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ จอห์น โฮลเด็น ตะแกเป็นนักตกปลาชาวอังกฤษที่ข้ามแอตแลนติคไปปักหลักทำมาหากินอยู่ในอเมริกา ด้วยการสอนพวกแยงกี้ให้รู้จักการเหวี่ยงเบ็ดระยะไกล ตัวแกเองสามารถเหวี่ยงเหยื่อออกไปได้ไกลถึง 600 หลา (กว่าครึ่งกิโลเมตรหรือยาวกว่าสนามฟุตบอลต่อกันความยาวสองสนามเสียอีก) ทำหน้าที่เป็นตัวกันกระชากสายเบ็ด พูดกันให้เข้าใจง่าย ๆ เหมือนกับเป็นโช้คอัพกันกระแทก สายเบ็ดที่ใช้กับคันเบ็ดสมัยใหม่จะไม่ใช้สายใหญ่เกินกว่าความจำเป็นหรือ พยายามใช้สายให้เล็กที่สุดเท่าที่พอต่อสู้กับปลาได้เท่านั้น คุณสมบัติประการหนึ่งของสายเบ็ดไม่ว่าจะเป็นสายโมโนฟิลาเม้นท์หรือแดรคคอน คือสามารรับแรงดึงได้เต็มที่ของขนาดของสายเบ็ดได้ เมื่อแรงดึงนั้นค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถ้าแรงดึงนั้นเพิ่มขึ้นทันทีทันใด สายเบ็ดจะถูกกระตุกขาดได้ง่าย ๆ ข้อนี้ทดลองดูได้โดยเอาสายเบ็ดยาวสัก 5 ฟุต ผูกติดไว้กับตะปู ห้อยน้ำหนักประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ของแรงทนแรงดึงสายเบ็ดไว้ ค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักขึ้น สายเบ็ดจะขาดเมื่อน้ำหนักที่ห้อยไว้เกือบถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ายกน้ำหนักเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ ของแรงทนแรงดึงขึ้น 1 ฟุต แล้วปล่อยให้ตกลง สายเบ็ดจะถูกดึงขาดได้ เมื่อสายเบ็ดอยู่กับคัน แรงกระชากทันทีทันใดจะดึงคันเบ็ดให้โน้มลงก่อน แรงที่ดึงคันเบ็ดให้โน้มลงนี้จะเพิ่มขึ้นในอัตราก้าวหน้าด้วย แรงกระตุกที่สายเบ็ดจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด สายเบ็ดจะทนแรงดึงได้เต็มที่ตามกำลังของมันทำหน้าที่เป็นคานสำหรับวัดเบ็ด คิดถึงสภาพการตกปลาที่สมบูรณ์ที่สุด สายเบ็ดซึ่งเป็นเครื่องเชื่อมโยงระหว่างนักตกปลากับตัวเบ็ดจะต้องตึงตลอด เวลา เมื่อปลากินเหยื่อ นักตกปลากระตุกสายเบ็ดเป็นระยะทางสั้น ๆ ก็เพียงพอสำหรับฝังคมเบ็ดเข้าไปในปากปลาจนมิดเงี่ยง แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว สายเบ็ดจะไม่ตึงอยู่ตลอดเวลา กระแสลม กระแสน้ำจะทำให้สายเบ็ดหย่อนตกท้องช้าง โดยเฉพาะการตกปลาโดยใช้ทุ่นลอยสายเบ็ดจะหย่อนมาก เมื่อบวกด้วยความยืดหยุ่นของสายเบ็ดเข้าด้วยแล้วปัญหาจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น ถ้าไม่ใช้คันเบ็ดช่วยวัดเบ็ดแล้ว ระยะทางการกระตุกสายเบ็ดด้วยมือเปล่าจะได้ระยะทางเต็มที่ประมาณ 2 ฟุต ซึ่งไม่เพียงพอที่จะฝังคมเบ็ด แต่ถ้าใช้คันเบ็ดยาว 6 ฟุต วัดเบ็ดเป็นมุมประมาณ 60 องศา ปลายคันเบ็ดจะดึงสายเบ็ดเคลื่อนที่ได้ถึง 6 ฟุต ซึ่งพอเพียงที่จะฝังคมเบ็ดลงในปากปลาได้ เมื่อบวกด้วยแรงเฉื่อยที่คันเบ็ดดึงให้ตัวเบ็ดเคลื่อนที่ต่อไปได้แล้ว นักตกปลาย่อมมีโอกาสดีขึ้น นอกจากหน้าที่ใหญ่สามประการที่กล่าวมาแล้ว คันเบ็ดยังทำหน้าที่อื่นอีก เช่น ช่วยยกเหยื่อหรือปลาเล็กที่ตกได้ให้พ้นสิ่งกีดขวางชายตลิ่ง ช่วยบอกว่าปลากินเบ็ดแล้วโดยดูจากปลายคันที่สั่นไหวความยาวของคันเบ็ด
           เพื่อให้พิจารณาเรื่องความยาวของคันเบ็ดได้ง่ายเข้า เราสมมติให้คันเบ็ดเป็นรัศมีของวงกลมซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงมือจับ เมื่อเหวี่ยงเบ็ดคันเบ็ดจะเคลื่อนที่วัดได้เป็นมุมระหว่างตำแหน่งเหวี่ยง กลับหลังสุดไปถึงตำแหน่งเมื่อคันเบ็ดหยุดนิ่งด้านหน้า เมื่อมองภาพเช่นนี้จะเห็นได้ว่าในมุมเท่ากัน ในเวลาเท่ากัน คันเบ็ดที่ยาวกว่าจะมีปลายคันเคลื่อนที่ไปเป็นระยะทางมากกว่าคันสั้น ถ้ามุมที่คันเบ็ดเคลื่อนที่ไปนี้เท่ากับ 90 องศา คันยาว 6 ฟุต ปลายคันจะเคลื่อนที่ไป 2 x 22 x 6 หารด้วย 4 x 7 หรือ 9.4 ฟุต แต่ถ้าคันเบ็ดยาว 7 ฟุต ปลายคันเบ็ดจะเคลื่อนที่ไปได้ 11 ฟุต ดังนั้นเราอาจสรุปว่า (เมื่อองค์ประกอบอื่นเท่ากัน) คันเบ็ดยาวจะเหวี่ยงเหยื่อออกไปได้ไกลกว่าคันสั้น ทั้งนี้เพราะเหยื่อเริ่มเคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วสูงกว่า
ถ้า เช่น นั้นคันเบ็ดยิ่งยาวยิ่งดีหรือ เปล่าเลย การสรุปเช่นนี้เป็นจริงเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นเอง ถ้ามองอีกแง่หนึ่งจะเห็นได้ว่าคันเบ็ดยิ่งยาว นักตกปลาจะต้องออกแรงเหวี่ยงมากขึ้น และเมื่อปลากินเบ็ดแล้ว นักตกปลาที่ใช้คันเบ็ดยาวจะต้องออกแรงสู้กับปลามากขึ้นอีกเหมือนกัน เนื่องจากคันเบ็ดมีลักษณะเป็นคานงัด ถ้าพูดตามภาษาฟิสิกส์ ระยะทางจากปลายคานงัดถึงจุดฟัลครัมยาวขึ้น  ควรยาว 5 - 6 ฟุต คันสปินนิ่ง 6 - 7 ฟุต และคันสปินคาสติ้ง อยู่ระหว่างกลาง นักตกปลาต้องใช้วิจารณญาณเอาเองเมื่อต้องการใช้คันเบ็ดแปลกไปจากนี้ เช่นเมื่อต้องการเหวี่ยงเหยื่อที่เบามากโดยคันสปินนิ่ง อาจต้องชั้นเบ็ดยาวออกไปเป็น 8 ฟุต หรือถ้าจำเป็นต้องใช้คันเบ็ดในที่จำกัดมีสิ่งกีดขวางทั้งด้านข้างด้านบนมาก ก็ลดความยาวของคันเบ็ดลงเป็น 5 ฟุตครึ่ง



กำลังของคันเบ็ด
คันเบ็ดทุกคันถูกสร้างขึ้นมาโดยให้มีจุดหนึ่งซึ่งคันเบ็ดทำหน้าที่ได้เต็ม ที่คือทุก ๆ นิ้วของคันเบ็ดออกกำลังดึง ถ้าเลยจากจุดนั้นไปแล้วคันเบ็ดจะทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ ส่วนที่จะเริ่มหมดกำลังก่อนคือส่วนปลายของคัน โดยมันจะเหยียดออกเป็นเส้นตรงในทิศทางเดียวกับสายเบ็ด ไม่มีกำลังสปริงในตัว ตัวอย่างในเรื่องนี้คือ ใช้เหยื่อหนักเกินไป หรืออัดปลาใหญ่เกินไป เมื่อถึงจุดออกกำลังเต็มที่แล้วคันเบ็ดจะอยู่ในสภาพพร้อมที่จะหักได้ทุกเวลา นักตกปลาที่ใช้อุปกรณ์สมัยใหม่โชคดีที่อาจปรับเบรกช่วยได้
โดยปกติผู้ผลิตจะไม่แจ้งกำลังของคันเบ็ด แต่จะแจ้งช่วงระยะที่คันเบ็ดทำงานได้ดีที่สุดไว้ เช่น คันเบ็ดสำหรับใช้เหวี่ยงจะมีอักษรบอก CASTING WEIGHT ไว้ที่คัน ถ้าคนเห็นข้อความว่า CASTING WEIGHT 10 - 20 กรัม หมายความว่า คันเบ็ดนั้นออกแบบมาให้ทำงานดีที่สุดเมื่อใช้เหยื่อหนัก 10 - 20 กรัม ช่วงการเหวี่ยงนี้อาจบอกได้ด้วยว่า คุณมีความชำนาญในการเหวี่ยงแค่ไหน ถ้าคุณต้องใช้น้ำหนักถึง 20 กรัม จึงได้ระยะทางการเหวี่ยงเต็มที่ แปลว่าคุณยังไม่ชำนาญเท่าใดนัก เพราะผู้เชี่ยวชาญอาจเหวี่ยงได้ระยะทางเท่ากัน โดยใช้เหยื่อน้ำหนักเพียง 10 กรัม เท่านั้น
ในคันเบ็ดทรอลลิ่ง ระบบการบอกกำลังของคันเบ็ดจะบอกเป็นขนาดของสายเบ็ดซึ่งเหมาะสมกับคันนั้น ที่เรียกกันว่าคัน 20 ปอนด์ หมายถึง คันออกแบบมาพอดีใช้กับสาย 20 ปอนด์เทสต์
ถ้าคุณใช้สาย 30 ปอนด์ ใส่เข้าไป ปรับเบรกแน่นเต็มที่แล้วออกแรงดึง คันเบ็ดมีโอกาสหักก่อนที่สายจะขาดได้

เทคนิคในการตกปลา



เทคนิคการอ่อยเหยื่อ
การตกปลาเกล็ด การอ่อยเหยื่อถือว่ามีความสำคัญมาก แต่การอ่อยเหยื่อนั้นมีเทคนิคเหมือนกันนะ ไม่ใช่ว่า พอถึงบ่อไม่ดูตาม้าตาเรือ ผสมอ่อยอย่างเดียวนะ การอ่อยเหยื่ออย่างผิดวิธีจะทำให้ปลาไม่กินเหยื่อ กล่าวคือ อิ่มไปเลย ไม่สนใจเหยื่อที่เราตกเลย หรือ ไม่ก็ใช้เหยื่อที่อ่อยผิดประเภทของปลา ปลาทั้งหลายเลย หนีหน้า หายไปหมดเลย การผสม เหยื่อที่จะอ่อยนั้นมีอยู่หลายอย่าง ขึ้นกับ หมายหรือประเภทปลาที่จะตกปลานั้นๆ 
  1. ใช้ รำ หรือ อาหาร ผสมน้ำให้แฉะแล้วอ่อย ใช้ได้กับน้ำนิ่ง ครั้งแรกควรอ่อยให้มาก แล้วทยอยอ่อยใหม่เมื่อปลาเริ่มไม่ ตอดเหยื่อ (แสดงว่าปลาออกไปแล้ว) 
  2. ใช้รำ หรือ อาหาร อ่อยแบบผง คือ ไม่ต้องผสมน้ำอ่อย ใช้ได้กับน้ำนิ่ง และปลาเล็กเยอะมาก เพื่อให้ปลาเล็กลอยตัวขึ้น กินเหยื่อที่อ่อย ทำให้ปลาเล็กไม่เข้าไป ตอดเหยื่อของเรา โอกาสที่ปลาใหญ่จะเข้ามาตอดเหยื่อมีมากกว่า 
  3. ใช้รำ หรือ อาหาร ผสมน้ำแล้วปั้นเป็นก้อน โตๆ ขนาด ลูกฟุตบอลขนาดเด็กเล่น ใช้ได้กับหมายที่มีลมค่อนข้างแรง และ กว้างพอสมควร แต่วิธีนี้ส่วนใหญ่จะต้องอ่อยไว้ล่วงหน้า หรือ อ่อยตอนเช้า ๆ เพราะถ้าหมายกว้าง ปลาจะเข้าช้ามาก 
  4. ใช้รำ หรืออาหาร ผสมน้ำให้เป็นผง เปียก ใช้ได้ทั่วไป อ่อยเรื่อย ทีละน้อย แต่บ่อยครั้ง จนปลาเข้า ในการอ่อยเหยื่อนี้ อาจใช้เทคนิคต่างๆ ผสมผสานเข้าด้วยกันได้ และให้สังเกตุว่าอ่อยแบบไหน ปลาเข้าเร็ว ก็ให้ใช้วิธีนั้น กับ หมายนั้นๆ 
เทคนิคการตั้งทุ่น
ซึ่งจะเป็นการตกหน้าดินเท่านั้น มีอยู่เพียงแค่ 2 อย่างเท่านั้น ง่ายๆ คือ 
  - การตั้ง สตอป-ลายน์ให้พอดีกับ ระดับน้ำ วิธีนี้ เมื่อเหยื่อตกถึงหน้าดิน ทุ่นของเราจะตั้งตรงพอดี แต่ถ้าเหยื่อตกถึงหน้าดินแล้วทุ่นนอน ก็ให้ขยับสตอป-ลายน์ ลงไปทางสายรีดเดอร์หรือลูกหมุน แต่ถ้า เหยื่อตกถึงหน้าดิน แล้
ทุ่นม ก็ให้ขยับ สตอป-ลายน์ ลงไปทางตัวรอก 
  - การตั้ง สตอป-ลานย์ ให้สูงกว่าระดับน้ำนิดหน่อย เมื่อเหยื่อตกถึงหน้าดินทุ่นจะล้มอยู่ (ทุ่นนอน) แล้วให้เราหมุนรอกเข้า มา แล้วทุ่นก็จะตั้งพอดีสังเกตุว่า สตอป-ลายน์ สูงกว่าระดับน้ำนิดเดียว คือเมื่อหมุนรอก เข้า นิดหน่อยทุ่นก็ตั้งแล้ว แต่ถ้า ต้องหมุนรอกเข้ามามาก ทุ่นถึงจะตั้งแสดงว่าสตอป-ลายน์ สูงกว่าระดับน้ำมาก ก็ขยับสตอป-ลานย์ไปทางตัวเบ็ดอีก   เทคนิคนี้ใช้สำหรับการตกแบบหน้าดินเท่านั้น แต่ถ้าท่านต้องการตกแบบทุ่นลอย ก็ต้องเปลี่ยนทุ่นให้ใหญ่ขึ้น พอที่ จะรับน้ำหนักเหยื่อได้พอดี
เทคนิคการตกปลาเกล็ดแบบสะปิ๋ว 
ควรตกปลาให้ห่างฝั่ง ไม่เกิน 3 เมตร จะดีที่สุด แต่บางแห่งบางสถานที่อาจจะตกไกลกว่านี้ก็ได้ แต่ก็ขอย้ำอีกที การตกปลาเกล็ดแบบสะปิ๋ว นั้นต้องมีความอดทน และหมั่นหาประสบการณ์ ช่างสังเกตุ เช่นเมื่อท่านเข้าไปตกปลาตามบ่อ ตกปลยต่างๆ หรือหมายธรรมชาติ ต้องสังเกตุว่า นักตกปลาที่เขาได้ปลานั่งมุมไหน แล้วใช้เหยื่ออะไร ไม่ใช่ เข้าไปก็เดินดุ่ยๆ หาหมายเอง โดยไม่ดูอะไรเลย เอาสะดวกเข้าว่า ถ้าแบบนี้ละก้อ อด !!! เพราะตามหมายต่างๆ นั้น ลักษณะความลึก ตื้น ของน้ำ หรือแม้กระทั่ง ผิวดินใต้น้ำจะไม่เหมือนกัน บางแห่งปลาไม่ชอบอยู่อาศัย หรือหากินบางแห่งจะเป็นแหล่งหาอาหารและที่อยู่ เลยหละ อ้อแล้วอย่าลืมนะ ! การตกปลาแบบนี้จะต้องอาศัยความเงียบและสมาธิมากพอสมควร นักตกปลาควรมีมรรยาทใน การตกปลาไม่ไปรบกวนนักตกปลาท่านอื่นทั้งบนบก และในน้ำ อย่าบ่นเมื่อไม่ได้ปลา ขอให้ใจเย็น และอดทน 



 เคล็ดลับน่ารู้สำหรับการตกปลาน้ำจืด
...การตกปลาเกล็ดรูปแบบหลักๆอาจคล้ายกันแต่กรรมวิธีบางอย่างอาจต่างกัน เนื่องจากสภาพแวดล้อม ภูมิอากาศ สภาพหมาย ต้องเรียนรู้ด้วยตนเองเท่านั้น ..ผมก็แค่แนะเป็นแนวทาง... 
..ก่อนเริ่มซื้ออุปกรณ์ มาทำความรู้จักปลาเกล็ดเสียก่อน .. 
ปลาเกมส์ตามบ่อตกปลา 
ปลาเกล็ดปลาเกมส์ที่พบเห็นได้ทั่วไปตามบ่อตกปลาบ้านเราส่วนมากจะเป็น ปลานิล ปลานิลทับทิม ปลาตะเพียนขาว ปลายี่สกเทศ ปลานวลจันทร์เทศ ปลาในเทศ(ปรกติเรียกเพียงแค่ ปลายี่สก ปลานวลจันทร์ ปลาใน ) ปลาเฉา ปลาเล่ง ปลาซ่ง ปลาแรด ปลาเพี้ย ปลาเปคู เท่านั้น 
... ปลาเกล็ดเป็นสัตว์น้ำที่โดยทั่วไปชอบกินพืชในน้ำ ตะใคร่น้ำ ซากพืช เป็นอาหาร และอาหารพวกสิ่งมีชีวิตเล็กๆในน้ำ แมลงต่างๆ เครื่องในสัตว์คาวๆ ใส้เดือน กุ้ง หอย ไข่ปลาตัวอื่น หรือซากสัตว์ มันก็ชอบพอๆกัน  ปลาเกล็ดตามบ่อเลี้ยงทั่วๆไปจะถูกเลี้ยงด้วยอาหารประเภทหัวอาหาร รำ เศษผัก แต่ตามฟิชชิ่งปาร์คมักไม่ค่อยได้ให้อาหารมากนัก สภาพอากาศ มีผลต่อวิถีชีวิตของปลาเกล็ดมาก ปลาเกล็ดจะใวต่อสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว เสียง อุณหภูมิ คลื่นลม สภาพอากาศ สภาพน้ำ มีผลกับพฤติกรรมการกินอาหารของปลามากๆ ในการตกปลาเกล็ด เหยื่อที่เรานิยมจึงหนีไม่พ้นอาหารประเภทรำ หัวอาหาร แป้งผสมต่างๆ กุ้ง ใข่มด ใส้เดือน หนอนน้ำ ซึ่งหาได้ไม่ยาก ซึ่งขอแนะนำเหยื่อจำพวกรำผสมต่างๆ ตามสูตรใครสูตรมันเท่านั้น หรือซื้อเหยื่อปลาเกล็ดสำเร็จรูปตามร้านตกปลา ก็เป็นทางเลือกที่ดี เมื่อได้มาแล้วก็นำมานวดกับน้ำให้นุ่มหรือเกือบเหลวใช้หุ้มที่ตัวเบ็ด เรียกว่าเหยื่อนวด เพื่อใช้ตกปลาเกล็ด ซึ่งดูจะเป็นเกมส์กีฬาตกปลาที่สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย ถ้าใช้เหยื่อพวกกุ้งหรือใส้เดือน ไข่มด ปลากินไวกว่า ง่ายกว่าแน่นอน แต่มันจะหมดความท้าทาย 
            คุณสมบัติของคันเบ็ดสปินนิ่งจะมองได้ 4 ลักษณะ คือ 
            - taper ความหนาของเนื้อแบลงค์ และส่วนทำให้เกิด action ความโค้ง จากกรรมวิธีการพันวัสดุให้เป็นคันเบ็ดขึ้นมาให้เราใช้ 
            - action กำหนดความโค้งของส่วนปลายคันเบ็ด เป็นตัวบอกรู้ว่าคันตวัดได้ไวแค่ใหนจากความโค้งอ่อนตัวของคันเบ็ด เช่น แอคชั่น fast เมื่อต้องวัดคันในระยะเหยื่อไกลๆ ย่อมทำให้ขอเบ็ดฝังแรงลึก และรวดเร็วกว่าคันแอคชั่น slow (ตามรูปด้านล่างแสดงแอคชั่นต่างๆของคันเบ็ด) 
           - power lift แรงงัดของคันเบ็ด กำหนดขนาดสายเอ็นที่คันเบ็ดทนได้สูงสุดคันไม่เสียหาย 
           - responsible หรือ sensitivity การรับรู้ความรู้สึกของคันเบ็ด การสั่นสะเทือนตอบสนองให้ความรู้สึก ได้มาจากลักษณะของวัสดุที่นำมาทำคันเบ็ดและกรรมวิธีผลิตคันเบ็ด 
   **---เป็นการสรุปตามความเข้าใจของผมเองจากที่ได้อ่านมา ผิดพลาดก็ขออภัยครับ เพราะหลายสำนักให้ความเห็นไม่ตรงกัน-----** 
           วิธีเลือกใช้คันสปินนิ่ง 
          - ดูที่ความยาวที่เหมาะสมกับตัวเอง และบางครั้งต้องคำนึงถึงสภาพบ่อด้วย คันท่อนเดียวจะดีกว่าที่ความยาวไม่เกิน 7 feet (ใช้คันสองท่อนก็ดี แต่ถ้าเลือกได้มีที่เก็บพกพาไปได้ เลือกท่อนเดียวดีกว่า) 
      - ดูที่สเปคของคันกับการรับขนาดสายเอ็น ส่วนมากเลือกใช้ที่ขนาดระบุ 4 lbs. - 8 lbs. 
- ดูที่ลักษณะไกด์ และขนาดไกด์ทิปทอบตัวปลายสุดให้วงกว้าง กันใลน์สตอปเปอร์สะดุด 
- ลองทดสอบดูแอคชั่นความโค้งคัน เช่นสะบัดแรงๆ (ระวังด้วย) 
- เลือกดูความเรียวเล็กและน้ำหนักคันเบา 
- ความไวตอนคันคืนตัวตอนสะบัดทดลอง 
........ วัสดุที่ใช้ทำคันเบ็ด มันจะเป็นตัวบ่งบอกหลายๆอย่าง ตามที่กล่าวมาทั้งหมด..* 
........ สมมุติถ้าจะถามตามหลักการ แล้วเราต้องการคันเบ็ดแบบไหนกันแน่เพื่อตกปลาเกล็ดแบบสะปิ๋ว ผมคิดเอาเองว่า เราต้องการ slow action หรือที่เราคุ้นเคยว่า ultra light tackle ซึ่งคันจะมีความโค้งตั้งแต่โคนคันแบบพาราโบลิค แต่ก็ต้องมี power lift ขนาด ต่ำปานกลาง 
ซึ่งเท่าที่มีขายจะเป็นคันขนาด แอคชั่นปานกลาง 6-10 lbs. ขนาด 6-9 ฟุต จะใช้ครอบคลุมขนาดปลาบ้านเราที่สุด แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องมี การตอบสนองความรู้สึก(responsible)ของคันที่ดี หรือต้องใช้วัสดุกราไฟต์ดีๆ ไม่จำเป็น 
.... เพียงแต่อยากได้คันสปินนิ่ง ที่มีแอคชั่นแบบอุลตราไลท์ แต่ต้องมีแรงงัดขนาดแอคชั่นปานกลาง( รับขนาดสายเอ็น 6-10 lbs.test ) และคันยาวๆเพื่อส่งเหยื่อใกลๆ ..มันยุ่งยากมาก หลายคนจึงหาคันแอคชั่นโค้งทั้งคันตั้งแต่โคนคัน แต่ยาวๆ เพื่อแรงงัดสูงหน่อย มาบิวท์เป็นคันสะปิ๋ว 
......ส่วนรอกสปินนิ่ง ขนาดเดียวกับคัน คือ 4 lbs- 8 lbs. ซึ่งมีขายทั่วไปหลายคุณภาพ แค่เพียงการปรับเบรกเหมาะสม ตัวเบรกของรอกพอใช้ได้ เก็บสายได้ไว น้ำหนักตัวรอกเบา ทางเดินสายเอ็นตั้งแต่สปูนออกที่โรลเลอร์ราบรื่นไม่มีส่วนใดทำลายผิวสายเอ็นได้ แค่นี้ก็เพียงพอ รอกราคาถูกๆตัวไม่กี่บาทก็นำมาใช้งานได้กับการตกปลาเกล็ดทั่วๆไปอย่างเช่น ปลานิล ปลาตะเพียน 
แต่ถ้ามีปลาเกล็ดขนาดใหญ่ๆชุกชุมก็ขยับคุณภาพรอกเป็นระดับปานกลางได้ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนสภาพตัวเบรก(drag) ให้เนียนๆ ก็ใช้ได้ดีแล้วครับ เรื่องความแข็งแรงของตัวรอกแทบจะไม่จำเป็น ในเมื่อสายเอ็นที่ใช้กับการตกปลาเกล็ดบ่อส่วนมากอยู่ที่ 4 lbs. - 8 lbs. เฟืองขับเฟืองส่ง ในตัวรอกคุณภาพพอใช้ได้ทนทานได้สบายๆ แต่ถ้าชอบของดีมีสกุลก็ซื้อไปเถอะครับ น่าภูมิใจ ใครๆก็ชอบของมีคุณภาพ ถ้ารักจะเล่นปลาเกล็ดไปตลอด แม่นบ่ 
เทคนิคการวางเหยื่อในบ่อตกปลา สภาพพื้นบ่อจะมีลักษณะเป็นดินเลนเสียส่วนมากต่างกันเพียงแค่ระดับความลึกของบ่อ การที่เราจะตกปลาเกล็ดขึ้นมา นอกจากเลือกการวางเหยื่อนวดที่ระดับหน้าดิน และเหยื่อลอยในน้ำแล้ว ต้องทำให้ปลารู้สึกไม่ระแวงที่จะเข้ามากินอาหาร ต้องจัดปลายสายเหมาะสม สามารถแสดงให้รู้ว่าปลากำลังกินเหยื่อ เพื่อการดักวัดขอเบ็ดให้ติดปากก่อนที่ปลาจะผละหนีทิ้ง ไม่สนใจเหยื่อ ... ผมออกตัวก่อนว่าวิธีหลักๆเหล่านี้ ผมก็เรียนรู้จากนักตกปลาท่านอื่นๆและอ่านจากสื่อต่างๆมาเหมือนกัน ไม่ได้คิดเอาเอง เพียงแต่ผมเรียกตามสภาพ และตามประสบการณ์ส่วนตัวผมเอง คงไม่มีใครมาตัดสินผมว่าผิด และผมคงไปตัดสินใครว่าผิดไม่ได้เช่นกันครับ ขอให้ท่านคิดพลิกแพลงเรียนรู้ทดลองด้วยตนเอง วิธีตกปลาไม่มีกฏเกณฑ์...แต่ควรมีหลักการเหตุและผลอธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจได้ครับ
ข้อละไว้ในฐานที่เข้าใจเกี่ยวกับการผูกเงื่อนต่างๆนะครับ คิดว่าคงรู้วิธีกันแล้ว ทั้งเงื่อนผูกขอเบ็ด เงื่อนผูกลุกหมุน เงื่อนสตอปเปอร์เงื่อนผูกปลายคันชิงหลิว(ศึกษาได้จากบทความของพี่ครีบเหลือง
การวางเหยื่อเรี่ยๆหน้าดิน 
ใช้การเซททุ่นเหมือนวิธีเหยื่อกึ่งนอน เพียงแต่เปลี่ยนทุ่นใหญ่ขึ้นมานิดนึง เปลี่ยนเหยื่อนวดที่สายหลีดสั้น มาเป็นเหยื่อที่เบาๆเช่น ไข่มด กุ้ง ขนมปังชิ้นเล็กๆ หรือเหยื่อนวดก้อนเล็กมากๆประมาณเม็ดถั่ว ขอเบ็ดเบอร์เล็

การเริ่มต้นแข่งขัน



การเริ่มต้นแข่งขันตกปลาบ่อ
      
           บทความนี้จะเป็นการแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเข้าสู่การแข่งขันตกปลาบ่อมิได้ต้องการให้มองว่าเป็นสิ่งไม่ดีแต่อย่างใด อาจมีบางท่านที่พบเห็นสิ่งไม่ดีไม่งามในบรรยากาศการแข่งขัน  แต่นั่นเป็นพฤติกรรมของคนบางคนเท่านั้น บทความตัวนี้จะทำให้ผู้เริ่มต้นได้รู้จักกับการแข่งขันตกปลาบ่อที่ถูกต้องทั้งมารยาทและกฎกติกาของการแข่งขัน   และได้รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร รวมทั้งมีเทคนิคพื้นฐานในการใช้ปลายสายอย่างไร
การแข่งขันตกปลาบ่อฟิชชิ่งปาร์คทั่วๆไป แบ่งได้เป็น 3  แบบ  คือ
   1. การแข่งขันตกปลาสวาย บึก
   2. การแข่งขันตกปลาเกล็ด
   3. การแข่งขันตกปลาดุก 
        ในที่นี้ ขอกล่าวถึงการแข่งขันปลาสวาย เพราะเป็นที่นิยมกันมานาน ซึ่งสวายถือได้ว่าเป็นปลาครูของนักตกปลาตามฟิชชิ่งปาร์คก็ว่าได้


การแข่งขันตกปลาสวายบ่อ แบ่งเป็น  4  ระดับ ซึ่งแบ่งตามจำนวนเงินรางวัลเป็นปัจจัยหลักเท่านั้น
            ระดับเริ่มต้น   ติดปลายไกด์  
             ระดับ   1.      การลงขัน            
             ระดับ   2.     ไนท์ฟิชชิ่ง
             ระดับ   3.      การแข่งขันประจำเดือน
             ระดับ   4.      การแข่งขันแมทช์ใหญ่
การแข่งขันแมทช์ประจำเดือน
         จะถูกจัดประจำอาจจะทุกๆต้นเดือนในแต่ละบ่อ เพียงแต่ว่าไม่ชนกับบ่ออื่นที่อยู่ในพื้นที่ เงินรางวัลจะมาก และมีอันดับเงินรางวัลมากด้วย เช่น อันดับที่ หนึ่ง ถึง สิบห้า รางวัลปลาน้ำหนักสูงสุด  รางวัลปลารวม(แต่บางบ่อจะตัดรางวัลปลารวมออก ก็เนื่องจากสาเหตุการรบกวนนักตกปลาท่านอื่นตามที่เขียนบอกข้างต้น) อาจจะมีถ้วยรางวัลทุกอันดับ หรือมีถ้วยรางวัลเฉพาะ อันดับที่หนึ่งถึงสี่ ถ้วยรางวัลปลาใหญ่ ถ้วยรางวัลปลารวม  เงินรางวัลนั้นจะอยู่ในหลักหมื่น เป็นส่วนมาก ค่าสมัครก็จะอยู่ในหลักสองร้อยขึ้นไป ผู้เข้าแข่งขันจะมาจากทุกที่ ต่างถิ่น ทีมใหญ่ๆก็มักมาประลองฝีมือกัน เรียกว่าเขี้ยวๆทั้งนั้น แต่ก็ยังมีจำนวนไม่มากนักและจำกัดพื้นที่เช่นกันสำหรับนักตกปลาที่มาแข่งขัน เช่น จังหวัดเชียงรายจัดการแข่งขัน ก็อาจจะมีทั้งนักตกปลาเชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน แพร่ เชียงใหม่ เป็นต้น นี่ยกตัวอย่างนะครับ อย่าซีเรียส แฮ่! แต่ไม่ค่อยมีจากที่ใกล้ๆ เช่นกำแพงเพชรพิษณุโลก พิจิตร หรือกรุงเทพ เพราะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย นอกจากพวกนักแข่งที่มือเขี้ยวๆจะแอบๆมากินในที่ใกล้ๆ แต่ก็พบไม่บ่อยนัก นักตกปลาที่เริ่มต้นจึงต้องเตรียมความพร้อมให้มากๆก่อนลงสนามเพราะไม่เช่นนั้น อาจนั่งแห้วทั้งวันหรือได้อัดไม่กี่ตัว (แต่ก็มีครับ ประเภทผู้เริ่มต้น แล้วชนะอันดับหนึ่ง เพราะฟลุคจังหวะที่ปลากินทั้งวันแค่สองตัว แต่น้ำหนักพอดีเปะ จึงถือว่าโชคดีไป )

การใช้ปลายสายสำหรับตกปลาสวาย
        การใช้ปลายสายที่ผิวน้ำ :  กรณีที่ปลาไม่ยอมกินที่หน้าดินโดยจะเห็นฝูงปลาขึ้นอยู่ที่ผิวน้ำจะนิยมใช้    
   -  ทุ่นลอย โดยใช้ ทุ่น พยุงตัวเหยื่อ ซึ่งใช้ตะกร้อ หรือตะกั่ว ไว้ให้ปั้นขนมปังป่นหุ้ม เพื่อเรียกฝูงปลาเข้ามากินเหยื่อ ที่ตัวเบ็ดจะเกี่ยวชิ้นขนมปังไว้  หรืออาจจะใช้เฉพาะทุ่น กับ ตัวเบ็ด ไม่ต้องมีเหยื่อขนมปังป่น เพื่อตีเข้าฝูงปลา ไว้สำหรับเล่นปลารวมก็ได้
    -  ทุ่นกระสือ  โดยการประกอบตะกร้อติดกับตัวทุ่น เพื่อปั้นขนมปังป่น และเกี่ยวขอเบ็ดเหน็บชิ้นขนมปังตีเข้าฝูงปลา
    -  อีโบะ โดยการฝังทุ่นในตะกร้อ ปั้นขนมปังป่นเหน็บชิ้นขนมปัง ตีเข้าฝูง โดยเหยื่อจะลอยอยู่ระดับผิวน้ำ
            มารยาทเบื้องต้นในการลงแข่งขัน
        -  ควรมาถึงบ่อก่อนการแข่งขัน และประจำในตำแหน่งที่ว่างๆที่ดีที่สุด ไม่ควรไปเบียดตำแหน่งที่มีคนจองก่อนอยู่แล้ว
        -  ก่อนขว้างเบ็ด ควรเหลียวมองหลังและรอบตัวก่อนให้ดี ถ้ามีคนกำลังเดิน หรือกำลังขว้าง หรืออยู่ใกล้ต้องรีบบอกเขาก่อนขว้าง เช่นบอกดังๆ ว่า ขอขว้างเบ็ดนะครับ
        -  หลังจากขว้างไปแล้ว เฉียงออกด้านข้าง ควรยกคันเบ็ดขึ้น ข้ามไปด้านที่เฉียงออก ไปอยู่ให้ตรงแนวที่เหยื่อลง แล้วให้กล่าว ขอโทษคนที่เราข้ามไป เช่น ขอโทษนะครับ..แล้วยกเบ็ดข้าม
        - หลังจากขว้างเหยื่อไปแล้วเมื่อเหยื่อลงถึงน้ำ ไม่ควรค้างคันเบ็ดไว้ ให้รีบเก็บคันลงข้างล่าง จะรีดสายเลย หรือรอสายให้ปลากินก่อนก็แล้วแต่ แต่ต้องไม่ค้างหลังขว้าง เพราะจะเป็นการรบกวนคนข้างๆ อีกทั้งเวลาคนด้านข้างรีบวัดปลาอาจฟาดโดนคันเบ็ดเราได้
        - เมื่อปลากินเบ็ด กระชากสายออกไป ในขณะที่ยืนถือคันเบ็ด ให้รีบตะโกนบอกคนข้างๆ ว่า ขอวัดเบ็ดนะครับ..แล้วรีบวัด หรือกรอสายเข้ามาซะหน่อยแล้วค่อยวัดเบาะๆ กันพลาด วัดแรงแบบสวนจังหวะ สายอาจขาดได้  แต่ให้บอกกันก่อนจะวัดเพราะบางครั้งเป็นจังหวะที่คนด้านข้างกำลังเก็บสายเข้ามา หรือกำลังรีดสายเบ็ด อาจพันกัน หรือโดนฟาด เราต้องบอกก่อน
กันปัญหาที่จะตามมาทีหลัง แต่ถ้าไม่มีใครก็ไม่ต้องบอกนะครับ เด๋วคนอื่นจะหมั่นใส้เอา แฮ่ๆ
        - การวัดเบ็ด ให้วัดขึ้นด้านบน  ผมเคยโดนเพื่อนวัดเบ็ดด้านข้างแต่ไม่ติดปลาแล้วปลายคันเบ็ดนาบตัวผมจากหัวไหล่ยันหัวนม ซี้หลุด แสบอย่าบอกใคร ตั้งแต่นั้นมา เพื่อนมันบอกว่าคันมันโคตรเหนียว แต่ผมว่าหนังผมเหนียวกว่า กรั่กๆ  แดงเป็นปื้นเลย
          - การเก็บสาย และอัดปลา ควรอัดและงัดคันขึ้นด้านบน หรือตรงหน้า ไม่ควร วัดออกข้าง หรือเก็บสายออกด้านข้าง รบกวนคนที่อยู่ข้างๆเรา นอกจากว่าแถวๆนั้นไม่มีใครอยู่ เล่นเต็มที่เลยครับ
         -  กรณีสายพันกัน เมื่อจะตัด ต้องตัดสายของเราเท่านั้น และต้องตรวจสอบก่อนให้แน่ใจว่าเป็นสายของเราจริงๆ
          - ถ้าหากปลากลืนตัวเบ็ดลึก ไม่ควรแหย่คีมหรือที่ปลดเบ็ดเข้าไปข้างใน เพราะปากปลาอาจอักเสบจนกินอาหารไม่ได้ และตายในที่สุด ให้ตัดสายช่วงที่ชิดปากที่สุดแล้วค่อยมามัดขอเบ็ดใหม่
          - เมื่อปลากินเบ็ด และเราวัดแล้ว ต้องดูว่าปลาวิ่งออกทางไหน ให้รีบตะโกนบอกออกไป เช่น ปลาวิ่งออกทางซ้ายมือ ก็ให้ตะโกน ......ปลา   แล้วรีบเก็บหรืออัดเข้ามาไวๆ แต่ถ้าเจอปลาใหญ่ๆ จำเป็นต้องเดินตาม ก็ต้องคอยตะโกนบอกคนที่เรากำลังจะข้ามไปหาให้ได้รู้เพื่อให้เขาเก็บสายได้ทันก่อนที่สายของเราจะไปพันกับของคนอื่น
         -  ในกรณีที่ปลาว่ายเฉออกด้านข้างมากๆ   เราต้องเดินตามและตะโกนบอกทิศทางที่ปลาว่ายออกไป ห้ามยืนอัดปลาอยู่กับที่แล้วตะโกนบอกว่า ..ปลาซ้ายๆ  แต่ตัวเองยืนรากงอกที่เดิม ไม่ยอมเดินตาม นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดี อย่าทำๆ


ประวัติการตกปลา



ประวัติความเป็นมาของการตกปลา

  ในที่นี้ขอแนะนำคร่าว ๆ น่ะครับ ถ้าพูดกันหมด คงว่ากันเป็นเดือนเป็นปี เอาไปสร้างเป็นหนังได้เลยมั่ง ข้อมูลนี้เป็นบทความที่แปลมาจากเว็บของต่างประเทศ น่ะครับเสริมบ้างนิดหน่อยการตกปลา เป็นวิธีโบราณที่มีมาตั้งแต่ในตอนปลายยุคหินเพลิโอะลีธอิค ระยะเวลาที่เริ่มประมาณ 40,000 ปีมาแล้ว การวิเคราะห์สิ่งที่พบในกระดูกของมนุษย์ Tianyuan , 40,000 ปี มนุษย์ยุคเก่าจากเอเชียตะวันออก ได้แสดงให้เห็นถึงที่เขาบริโภคเป็นประจำปลาน้ำจืด อีกทั้งหลักฐานทางโบราณคดียังแสดงให้เห็นถึง สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการตกปลา เช่น กระดูกปลาและ ภาพวาดบนถ้ำถ้ำและยังได้พบเบ็ดตกปลาที่กลายเป็นหินซึ่งทำมาจากกระดูกของมนุษย์อีกด้ว
เบ็ดตกปลาที่กลายเป็นหินทำจากกระดูก อีกบทความหนึ่งกล่าวถึงการตกปลาว่าเป็นกีฬา ที่มีมาแต่โบราณ ภาพวาดการตกปลาของอียิปต์เกี่ยวกับการตกปลาเมือราว 2000 ปีก่อน แสดงลักษณะของอุปกรณ์ ที่มีแกนและสายและมีตาข่ายซึ่งใช้เป็นอุปกรณ์ในการหาปลาในยุคนั้น ประวัติศาตร์ของจีนประมาณศตวรรษที่ 4 ได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการตกปลาไว้บนเส้นทางสายไหมว่าเป็นการจับปลาด้วยตะขอที่ทำจากเข็มและแกนไม้ไผ่โดยใช้ข้าวสวยเป็นเหยื่อ ทั้งนี้การตกปลายังพบในกรีกโบราณอัสซีเรียและโรมัน อีกด้วย
     สำหรับตัวเบ็ดที่ใช้สำหรับตกปลาไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใดแต่คาดว่าน่าจะเข้ามาจากประเทศจีนจากการค้าขายกันในสมัยก่อน
    ดังนั้นการตกปลาจึงนับเป็นวิธีการหากินเลี้ยงชีพของคนเราที่เก่าแก่และมีมายาวนานมากแล้วจนมาถึงปัจจุบันนี้ครับ

พัฒนาการของกฎหมาย
แนวความคิดในการปล่อยปลาที่ไม่ต้องการบริโภค ทั้งที่สามารถเก็บไว้ตามกฎหมาย ได้พัฒนามาจากนักตกปลาหลายกลุ่ม อาทิเช่น นักตกปลามากประสบการณ์ที่ตกปลาได้ตามจำนวน หรือได้ชนิดที่ต้องการแล้ว จึงไม่ต้องการเพิ่มอีก นักตกปลาที่ปรารถนาจะสนุกกับการตกต่อไป จึงไม่เก็บปลาไว้ตามจำนวนที่ถูกกำหนดไว้ และนักตกปลาที่ตระหนักว่าการยิ่งนำปลาบางขนาด หรือบางชนิดที่กำหนด จากบริเวณใดๆ อาจมีผลกระทบที่เลวร้ายต่ออนาคตต่อประชากรปลาในบริเวณนั้นcatch-and-release มีจุดเริ่มมาจากความยึดถือ และทางเลือกของบุคคล และพัฒนามาเป็นกระแสความเคลื่อนไหว เนื่องจากการเรียกร้องของกลุ่มนักตกปลาในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปี 1960 และปี 1970 ส่วนปัจจัยอื่นก็เนื่องมาจากการการพัฒนาการของอุปกรณ์ตกปลา ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปลาที่มากขึ้น และสภาวะคับขันของจำนวนปลา  แหล่งหาปลาขึ้นชื่อหลายแห่งในอเมริกา มีจำนวนปลาลดลงอย่างมาก หรือหมดไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ไม่กี่สิบปี  ถึงแม้จะมีปัจจัยมากมาย และในหลากหลายระดับ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งก็คือมลภาวะทางน้ำและทางอากาศ แหล่งที่อยู่อาศัยถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง การจับปลาในเชิงพาณิชย์ และการตกปลาเป็นเกมกีฬาความพยายามในการตกปลาทั้งน้ำจืดและทะเล มักพุ่งเป้าหมายเฉพาะกับปลาบางชนิดที่ให้ความรู้สึกพิเศษในการตก แบส เทร้าท์ แซลมอลคราปปี้ และวอไลย์ เป็นตัวอย่างปลาน้ำจืดที่ได้รับความนิยมในระดับต้นๆ สไตรด์แบสเรดฟิชทาร์ปอน ทูน่า และปลากระโทง เป็นปลาทะเลชั้นนำ ก่อนที่ประชากรของปลาเหล่านี้ และปลาที่ได้รับความนิยมอื่นๆ จะลดลงอย่างมาก และก่อนที่กระแสการตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องอนุรักษ์ นักตกปลามักจะเก็บปลาแทบทุกตัวที่ตกได้ จนกระทั้งข้อบังคับเกี่ยวกับฤดูกาล วิธีการจับ ความยาวขั้นต่ำ ได้ถูกกำหนดขึ้นในช่วงหนึ่ง นักตกปลารวมทั้งสาธารณะชนโดยทั่วไป เชื่อว่าการตกปลาเพื่อสันทนาการไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อระดับประชากรของปลา โดยเฉพาะในน้ำจืดที่การทำประมงเป็นปัจจัยรองกว่าในทะเล  ทุกวันนี้เป็นที่เข้าใจกันแล้วว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น  นักตกปลาที่มีความชำนาญจำนวนหนึ่งสามารถที่จะพลาญประชากรของปลาได้แทบทุกปลาชนิด ในช่วงเวลาหนึ่งหากไม่ได้รับการดูแล  ในบางสถานการณ์นักตกปลาที่ความชำนาญสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ทั้งๆที่ปฎิบัติตามข้อกำหนดก็ตาม  แม้ว่าเขาจะไม่ได้จับปลาไปทั้งหมด แต่เขายังคงสามารถที่จะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อสมดุลย์ของประชากรปลา โดยการเลือกที่จะตกปลาบางพันธุ์ หรือเลือกที่จะเก็บปลาบางขนาดโดยเฉพาะปลาที่มีขนาดใหญ่  ตัวอย่างเช่น ความพยายามอย่างยิ่งในการตกปลาเลคเทร้าท์ขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของแคนนาดา ได้ทำให้ปลาเลคเทร้าท์ซึ่งเติบโตได้ช้า ในขนาดโทรฟี้แทบจะหมดไปในช่วงปลายปี 1950 จนถึงปี 1970 การตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และในหลายกรณีเป็นการเรียกร้องจากองค์กรนักตกปลาต่างๆ ในที่สุดกรมประมงก็ได้กำหนดจำนวนปลาที่จะนำขึ้นได้จากเดิมไม่ได้กำหนดไว้เลย กำหนดฤดูกาล กำหนดชุดปลายสาย รวมทั้งการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัย   กฎข้อบังคับ  ของกรมประมงในเรื่อง ขนาด จำนวน และฤดูกาล ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้โอกาสปลาขนาดเล็กได้เติบโตเต็มที่ และแพร่ขยายพันธุ์  ซึ่งเป็นความจริงอย่างมากในน้ำจืด และลดระดับลงมาในน้ำทะเล  บางข้อถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างโดยเฉพาะ เช่น เพื่อรักษาปลาในระดับโทรฟี่ในบางพันธุ์ ในบางทะเลสาบ การปล่อยปลาขนาดใหญ่นี้ถูกมองว่าเป็นแนวทางที่มุ่งหวังการแพร่พันธุ์ และการสงวนปลาขนาดใหญ่ไว้  ในบางข้อดูเหมือนจะมีเป้าหมายในทางตรงกันข้ามโดยกำหนดให้นำปลาบางขนาดขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อรักษาสมดุลย์ประชากรของปลาในหลากหลายขนาด (หลากหลายช่วงอายุ) เนื่องจากปลาที่ถูกตกได้และเก็บไว้ มักจะเป็นขนาดใหญ่ และการทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ย่อมทำให้ประชากรปลาขาดความสมดุลย์     ดังนั้นภายใต้กฎหมาย นักตกปลาต้องปล่อยปลาที่ตกได้นอกฤดูกาลที่กำหนด หรือปลาที่ขนาดเล็กหรือใหญ่กว่ากำหนด หรือปลาที่มีจำนวนเกินกว่าที่กำหนดสำหรับพันธุ์นั้น  นอกจากนี้ในบางพื้นที่ยังกำหนดให้ ปล่อยปลาที่ถูกตกได้หากปลาติดเบ็ดอย่างไม่ถูกต้อง ข้อบังคับนี้เป็นเรื่องของการกีฬา มากกว่าที่จะเป็นเรื่องการจัดการทรัพยากรณ์